หลังจากพื้นทรุดจำต้องหาข้อดีเพื่อให้นำมาปรับสภาพชั้นดิน

ข้อดีการแก้ไขสภาพชั้นดินอ่อนด้วยแนวทาง Compaction Grout ตอนหลังจากพื้นทรุดตัว

  • วัสดุมีราคาตํ่า ทำให้การปฏิรูปสภาพชั้นดินอ่อนเนื้อที่ขนาดใหญ่และลึก ใช้งบน้อย ครั้นเมื่อเปรียบกับการแก้ไขสภาพชั้นดินแบบอื่น
  • ขบวนการปฏิบัติงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ขนาดใหญ่ ไม่ซ้อนกัน ทำเอาการเข้าถึงหน้างานในที่แคบๆ ดำเนินต่อไปได้ง่าย
  • มีวิธีการทดสอบความอุดมของการแก้ไขสภาพชั้นดิน ด้วยการวัดขนาดวัสดุที่ถูกอัดปั๊ม พร้อมด้วยอัตราวัดดันขณะที่ทำการอัดปั๊ม ที่หมายความว่าแรงต่อต้านจากชั้นดิน
  • อาจจะทำการอัดปั๊มได้ลึกมากกว่า 20 เมตร

กรรมวิธีการจัดแจง Compaction Grout ภายหลังพื้นทรุดตัว

1) ตรวจสอบสภาพดินด้วยแนวทางตีหยั่ง เพื่อให้รับรู้ถึงชั้นศักยภาพในการรับนํ้าหนักของดินแต่ละชั้น ก่อนที่จะทำการคาดคะเนรูปร่างการซ่อมบำรุง ที่หมายถึงความลึกของการอัดปั๊ม ผลรวมวัตถุที่ใช้ต่อจุด และที่ว่างระหว่าง จุดที่จะอัดปั๊ม

2) กำหนดระยะระหว่างจุด ที่จะกระทำการอัดปั๊ม โดยปกติจะมีที่ว่าง ราว 2-3 เมตร เช่นนี้ขึ้นกับลักษณะขององค์ประกอบ พร้อมด้วยชั้นดินพื้นฐาน

3) จัดตั้งท่ออัดปั๊มวัตถุ ที่ลำดับขั้นความลึกที่ได้จากผลสรุปการทดสอบชั้นดิน

4) ทำการอัดปั๊มคอนกรีตที่มีขีดความสามารถในการเลื่อนไหลต่ำ การอัดปั๊มจักทำทุกๆ ความลึก 0.30-0.50 เมตร จากดินชั้นหนึ่งสืบเนื่องขึ้นยังดินด้านบน การคาดการณ์พร้อมทั้งคุมความสมบูรณ์ของการอัดปั๊มของชั้นดินแต่ละชั้น จะประมาณจากจำนวนคอนกรีตที่อัดปั๊มเข้าไป พร้อมทั้ง แรงดันที่อุบัติขึ้นช่วงเวลาทำการอัดปั๊ม

สนใจอ่านเพิ่มเติม https://www.jatgroundexpert.com

ทิศทางแดดลมมีความสำคัญกับบ้านอย่างไร ช่างรับสร้างบ้านคุณภาพจะพาไปดูกันค่ะ

ทิศทางแดดลม กับ การวางตำแหน่งบ้าน หลายๆ คนอาจจะคิดว่าไอ้เรื่องพวกนี้ มันจะสำคัญอะไรมากมายนักจะปลูกบ้านตรงไหนมันก็มีลมทั้งนั้นแหละ และที่สำคัญเราก็เปิดแอร์ทั้งวันอยู่แล้วไม่เห็นมีอะไรน่ากังวล ใครกำลังมีความคิดแบบนี้มั้ง

ช่างรับสร้างบ้านคุณภาพจะพาไปดูกันค่ะ ว่าทำไมต้องดูทิศทางแดด-ลม ก่อนการวางตำแหน่งบ้าน ก็เพราะว่าเราคงไม่อยากนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในตอนกลางคืนหรือต้องอุดอู้อึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องพวกนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน มีข้อสังเกตหลายอย่างในการวางตำแหน่งบ้านเพื่อให้บ้านทั้งหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย มีความสุข และประหยัดพลังงาน

ปกติแสงแดดของบ้านเราจะวิ่งเป็นแนวตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปทางใต้ก่อนจะตกในทิศตะวันตก จะทำให้ทิศใต้ไปจนถึงทิศตะวันตกได้รับแสงมากที่สุดของวันคือตั้งแต่หลังเที่ยงไปจนถึงห้าโมงเย็น ด้านนี้จึงควรเป็นส่วนหลังบ้านและส่วนซักล้างหรือกิจกรรมอื่นที่ต้องการแสงจำนวนมากๆ ส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในตอนเช้าและแสงจะแรงมากเพียงแค่ช่วง 10 โมงเช้าจนถึงเที่ยงซึ่งก็เพียงแค่ 3 ชม ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดน้อยที่สุด 2 ด้านนี้จึงเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่ต้องการแสงรบกวนน้อย เช่น ห้องนอนและห้องนั่งเล่น

เรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางทิศทางรับแดด เพื่อให้ผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ผนังสามารถดูดกลืนความร้อนในปริมาณน้อยและทำให้ภายในบ้านไม่ร้อนจนเกินไปในเวลากลางคืน เพราะธรรมชาติของผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องและจะถ่ายเทความร้อนออกมาในเวลากลางคืน ฉะนั้นถ้าผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะทำให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมาเวลากลางคืนมีน้อยเช่นกัน

ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาลมหนาวจากจีนมาในช่วงหน้าหนาว และ จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากทะเลมาในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจึงควรหันเข้าหาทิศทางลมเพื่อให้ลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดและส่งผลให้ประหยัดค่าไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเป็นต้น